๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

ความรักนั้นก็อดทนนาน

เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ นักปรัชญาและนักคณิตศาสตร์เคยอธิบายถึงความรักเอาไว้ว่า มันเป็น คุณค่าสัมบูรณ์ ในตัวเอง ไม่เหมือนคุณค่าอื่นๆ ที่มีลักษณะเป็นคุณค่าสัมพัทธ์ คือต้องเทียบเคียงกับสิ่งอื่นๆ จึงจะทำให้ตัวของมันเองเกิดมีความหมายขึ้นมา


สำหรับผม ความรักมักหมายถึงรูปแบบของการอดทนในระดับสูงที่สุด


สุภาษิตจีนบอกไว้ว่า ถ้าเรารักใครสักคนอย่างจริงจัง เราจะไม่มีวันรักคนผิดตลอดกาล นั่นไม่ใช่อะไรอื่นนอกเสียจากการยอมรับ และรู้จักอดทนต่อแส้อันโบยตีของความรัก


นานมาแล้ว ผมมักคิดถึงความรักบ่อยๆ สงสัยว่ามันคืออะไร เป็นจริงอย่างที่พระคัมภีร์ไบเบิลเขียนไว้ไหม นักบุญเปาโลเคยเขียนถึงความรักเอาไว้ว่า ความรักนั้นก็อดทนนาน และกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด....


ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนช่างจดจำความผิด หยิ่งผยอง หยาบคาย และมักคิดเห็นแก่ตนเองอยู่บ่อยๆ การคิดถึงความรักในความหมายนี้จึงคลับคล้ายกับการขัดเกลาตัวเอง


ใช่หรือไม่ว่า ที่เราฉุนเฉียว หยาบคาย อิจฉา หยิ่งผยอง เห็นแก่ตัว ล้วนเป็นเพราะเราไม่รู้จักอดทนนาน หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเราไม่รู้จักความรัก



ตลอดประวัติศาสตร์ มนุษย์มักฉงนสนเท่ห์ต่อพลังอันมหาศาลของความรักที่กระทำต่อจิตใจของตัวเอง ว่าเพราะอะไรความรักถึงมีพลังมากมายเพียงนั้น ว่ากันว่า ความรักสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง ค่ำคืนที่ทอดยาว เนิ่นนานขึ้นเหมือนชั่วชีวิต ฤดูร้อนผ่านไปรวดเร็วกว่าเก่า ความเจ็บปวดฝังรากลึกลงสู่ความร้าวราน อนาคตของเราเปลี่ยนแปลงไป บางทีเราก็โง่เขลา แต่บางคราวกลับชาญฉลาด คล้ายกับปรีชาญาณได้ปรากฏขึ้นภายในโดยไม่รู้ตัว

ว่ากันว่า ความรักนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้แม้วิธีมีชีวิตอยู่


และกระทั่งวิธีตายของเรา



ไม่นานมานี้ ผมไปดูเทนนิสที่เมลเบิร์น วันนั้นมีนักเทนนิสชื่อดังมากมายมาลงแข่ง แต่สิ่งที่ผมหันไปมองบ่อยๆ ไม่ใช่ลูกเสิร์ฟเอซ หรือรีเทิร์นสะใจ


ทว่าเป็นคนสองคนที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ


เธอและเธอเป็นหญิงชรา ผิวของทั้งคู่เหี่ยวย่นไปทั้งตัว หน้าตาบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือด คนหนึ่งถือไม้เท้า อีกคนนั่งอยู่เคียงข้าง เมื่อใครๆ โห่ร้องตะโกนให้กับแอนดี้ ร็อดดิค หรือมารัต ซาฟิน เธอทั้งคู่ได้แต่นั่งเฉยๆ มองดู และยิ้มอยู่จางๆ


เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน คนที่ไม่ได้ถือไม้เท้าเปิดกล่องอาหารหยิบยื่นส่งให้ แล้วทั้งคู่ก็นั่งกินแซนด์วิชอยู่ด้วยกันใต้แสงแดดจัดจ้าของออสเตรเลีย ไม่มีใครพูดกับใคร ต่างนั่งนิ่งๆ เงียบๆ ซึมซับความสุขและความรักในการดูเทนนิสอยู่ตลอดบ่าย


เราต่างก็รู้ใช่ไหม ว่านี่อาจเป็นการดูเทนนิสครั้งสุดท้าย


บางทีปีหน้า ใครคนหนึ่งอาจต้องมานั่งอยู่ที่นี่เพียงลำพัง หรือไม่ ก็อาจไม่มีใครได้มาดูเทนนิสที่นี่อีกแล้ว

ตอนนั้นเองที่ผมคิดว่า นี่แหละคือความรัก, ความรักนั้นก็อดทนนาน


และกว่าสองคนจะอยู่ที่นั่นด้วยกันได้อย่างสัมบูรณ์ พวกเขาก็ต้องผ่านความอดทนมาแล้วมากมาย

ชีวิตไม่ง่าย และมักเต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่เมื่อวันหนึ่งที่ผิวของเราเหี่ยวย่นไปทั่วตัว และหันไปพบใครคนหนึ่งที่เหี่ยวย่นเหมือนกัน ชอบดูเทนนิสเหมือนกัน


ทั้งยังเห็นกันและกันมาตลอดชีวิต เราจะชวนเขาไปดูเทนนิสด้วยกันไหม หรือว่าเราจะได้แต่มองหน้ากันอย่างขมขื่น เพราะความขัดแย้งได้แยกเราออกจากกัน จนเราไม่ปรารถนาที่จะรักอีกต่อไป


กว่าจะหลอมรวมเข้าเป็นคุณค่าอันสัมบูรณ์ได้ เราต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไรต่อมิอะไรในชีวิตมามากมาย แต่ถ้าเราเลือกแล้วที่จะรัก เราก็ต้องอดทนนาน และไม่ช่างจดจำความผิด


เพราะนั่นคือสององค์ประกอบ ที่จะทำให้เราไม่มีวันรักคนผิดตลอดกาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น